ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้น
ที่สามารถพกติดตัวไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ กันทุกปี ของที่อยู่ในมือเรา
อีกไม่กี่ปีก็จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ตกรุ่นล้าสมัยไป
หลายคนติดตั้งเทคโนโลยีเหล่านั้นให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ไม่สามารถขาดหายไป
ได้
สิ่งที่น่าสนใจคือในข้อดีที่เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างสีสัน
ความบันเทิงให้กับเราได้นั้นแต่ในทางกลับกันก็มีข้อด้อยที่หลายคนอาจไม่ทันได้นึกถึงห
รือมีข้อมูลมากพอที่จะตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องมือเหล่านั้น
ข้อมูลต่อไปนี้อาจจะทำให้คุณใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างสมเหตุสมผลและใช้สมองได้อย่
างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยปกติแล้วในขณะที่เราใช้งานอวัยวะส่วนต่าง ๆ
ในร่างกายนั้นสมองจะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นหากเราไม่ใช้งานหรือใช้งานน้อยลงสมองในส่วนนั้นก็จะทำงานน้อยลงตามไปด้ว
ย
คำอธิบายเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนเมื่อมีการคิดค้นเครื่องมือวัดอัตราออกซิเจ
นในสมอง (COE: Cerebral Oxygen Exchange)
ซึ่งเครื่องนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าสมองส่วนไหนทำงานได้ดี หรือ
สมองส่วนไหนที่ด้อยประสิทธิภาพ
โดยดูจากปริมาณออกซิเจนขณะที่เกิดการทำงานในร่างกาย
หากสมองมีการใช้และแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีแสดงว่าสมองส่วนนั้นทำหน้าที่ได้ตามที่
ควรจะเป็น จากการทดสอบ พบว่า ในขณะที่เราใช้เครื่องมือเทคโนโลยีทั้งหลายนั้น
สมองเจ้าสู่ภาวะการประหยัดพลังงาน หรือ ใช้ออกซิเจนน้อยนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้อยู่เป็นประจำก็จะทำให้สมองเกิดความเคยชิน เเละเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น
ในความเป็นจริงแล้วอายุเฉลี่ยของสมองจะเริ่มเสื่อมสภาพราวๆ เมื่อเราอายุ 40 ปีขึ้นไป
แต่หากเราใช้เทคโนโลยีอย่างหนักตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
นั่นหมายถึงการเร่งให้สมองเสื่อมได้เร็วยิ่งขึ้น
ลองนั่งดูภาพตัวเราในสมัยก่อนที่โทรศัพท์มือถือยังไม่มีแอปพลิเคชั่นต่างๆ
มากมายดังเช่นในปัจจุบันนี้ เราจำเป็นต้องจดจำเบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญๆ ให้ได้
ในขณะที่ปัจจุบันไม่มีใครใช้สมองจดจำตัวเลขเหล่านั้นอีกแล้ว เราเก็บไว้ในอีเมล์ หรือ
ในฐานข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ เรื่องการบวกลบคูณหาร
เมื่อเราซื้อของกับพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ว่าตัวเลขจะน้อยหรือง่ายเพียงใด
เราก็จะใช้เครื่องคิดเลขช่วยคิดให้เสมอ
เราเดินทางไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยผ่านการใช้ระบบนำทาง GPS
ที่เราสามารถใช้โดยที่ไม่ต้องสังเกตสิ่งใดระหว่างทางเลย
ตัวอย่างบางส่วนเหล่านี้เป็นเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ
ในชีวิตประจำวันที่เราตัดขาดการใช้งานจากสมอง
ทั้งที่ในความจริงแล้วสมองมีประสิทธิภาพที่สามารถใช้งานได้อย่างน่ามหัศจรรย์
จากการศึกษาพบว่า
สมองของคนเราสามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย
หากเราสามารถปรับสภาพสมองได้ตั้งแต่ในช่วงอายุ 30 - 40 ปี
จะทำให้สมองยังคงอยู่ในสภาพที่แข็งแรงพร้อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปได้
เทคโนโลยีนั้นสามารถใช้ได้แต่ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
วัตถุประสงค์หลักของเทคโนโลยีเหล่านี้คือการใช้เพื่อใช้ชีวิตของเราดีขึ้น
และมันจะไม่มีวันสลายหายไปในทางกลับกันมีแต่จะทันสมัยและพัฒนาต่อไปอีกยาวนาน
ดังนั้นเราในฐานะผู้ใช้งานจึงควรเลือกใช้ให้เป็น เเละดูแลตัวเองให้ดีที่สุด
อายุเฉลี่ยของมนุษย์ไม่ถึงร้อยปี
หากอยากมีสมองดีดีที่ไม่เสื่อสภาพคงต้องหันมาใส่ใจกันอย่างจริงจังเสียที
ที่มาข้อมูล: งานวิจัยเรื่อง การยอมรับเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาชุมชนในภูมิภาค
หลักสูตรวิทยาศาสตมหาบัณฑิต วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย
สงวนศักดิ์ แก้วมุงคุณ
Comments